ข้อมูล นาย สาคร เกี่ยวข้อง

รูปภาพของฉัน
ประวัติ สส.สาคร เกี่ยวข้อง -บุตร นายกงซิ่น นางดลใจ เกี่ยวข้อง -สมรส กับ นาง เพชรารัตน์ เกี่ยวข้อง(จิวากานนท์) -มีบุตร ๑ คน ดช.สถาปนา เกี่ยวข้อง ประวัติการศึกษา มัธยมศึกษา :โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จ.กระบี่ เตรียมอุดมศึกษา :โรงเรียนสันติราษฎร์ วิทยาลัย กทม.ปริญญาตรี :เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ตำแหน่งปัจจุบัน : -สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร -โฆษกกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร -กรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร -การทำงานที่ผ่านมา:-เป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ -เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่-อดีตกรรมการบริหารหอการค้า จ.กระบี่-

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒สส.สาคร เกี่ยวข้อง ตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี เรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง

ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในชายฝั่งอันดามัน ในพื้นที่ จ.กระบี่ จ.พังงา จ.ระนอง จ.ภูเก็ต จ.ตรัง และจ.สตูล ในปัญหาของการกัดเซาะชายฝั่งของคลื่นทะเลซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอันมาก จึงเป็นที่มาขอการตั้งกระทู้ถามถามนายกรัฐมนตรี

สาระสำคัญ ที่ สส.สาคร เกี่ยวข้องได้ถาม กระทู้

เรื่อง ปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ด้านอันดามัน จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัด

ระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดตรัง จังหวัดสตูล

กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ข้าพเจ้าขอตั้งกระทู้ถาม ถามนายกรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

เนื่องจาก เกิดการเปลื่ยนแปลงสภาพพื้นที่แนวชายฝั่งทะเล ด้านอันดามันไม่ว่าจะเป็นจังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดตรัง จังหวัดสตูล ได้ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นอย่างมาก ทำให้ที่ดิน ที่เป็นของรัฐและของประชาชนเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มจังหวัดด้านฝั่งอันดามัน เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพื้นที่ที่มีขีดความสามารถในด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่งแก้ไขปัญหา ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในเรื่องที่อยู่อาศัย วิธีชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีผลกระทบต่อศักยภาพในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางด้านอื่น ๆ ตามมาอีกมากทาย จึงขอเรียนถามว่า

๑.ข้อมูล สภาพปัญหา การกัดเซาะชายฝั่งพื้นที่ด้านทะเลอันดามัน และผลกระทบอะไรบ้างที่เกิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอทราบรายละเอียด

๒.รัฐบาลได้มีมาตรการอย่างไรบ้างในการแก้ไขปัญหา ได้มีแผนแม่บทในการแก้ปัญหาหรือไม่ และงบประมาณที่จะนำมาแก้ไขปัญหามีจำนวนประมาณเท่าไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินการเมื่อใด จังหวัดไหนบ้าง ขอทราบรายละเอียด

๓.รัฐบาลได้จัดให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลในปัญหาดังกล่าวนี้หรือไม่ และ ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้หรือไม่อย่างไร ขอทราบรายละเอียด

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สส.สาคร เกี่ยวข้อง เข้าร่วมโครงการร้องเพลงชาติ “ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง” นำร่องกระบี่เป็นจังหวัดแรกจัดอย่างยิ่งใหญ่ มวลชนร่วมนับหมื่นคนแสดงพลังรักชาติ

กระบี่ - จังหวัดกระบี่ นำร่องจังหวัดแรกจัดร้องเพลงชาติไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็งอย่างยิ่งใหญ่ มวลชนร่วมนับหมื่นคนแสดงพลังรักชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกระบี่ว่า เวลา 18.00 น.วันที่ 20 กันยายน ตามที่ทางรัฐบาล ลงมติเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2552 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความสมัครสมานสามัคคี เกิดความรักชาติ ลดความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนส่งเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีงานของประเทศไทย

โดยกำหนดเปิดโครงการในวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2552 เวลา 16.00-19.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และกำหนดให้มีการจัดงานดังกล่าวทั่วประเทศ 76 จังหวัด โดยเรียงลำดับในแต่ละวัน

สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้ถูกกำหนดให้จัดกิจกรรมเป็นจังหวัดแรก วันที่ 20 กันยายน 2552 เวลา 18.00 น. โดยได้จัดขึ้น บริเวณลานพระอาทิตย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ มีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการนำร่วมร้องเพลงชาติ มีนายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่

นางวรรณมาศ ศิริเสาวลักษณ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.ปชป.กระบี่ ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ประมาณ 1 หมื่นคนร่วมในพิธี

เรื่องเล่าเมื่อวันวาน


สาคร เกี่ยวข้องส.ส.ปชป.กระบี่ ท้าเดิมพันตำแหน่ง ณัฐวุฒิหากตนบงการพันธมิตรฯไล่ มท.เป็ดเหลิมจริง พร้อมลาออก แต่ถ้าไม่จริง ณัฐวุฒิก็ต้องลาออกด้วย
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ทำการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดกระบี่ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดกระบี่ ได้แถลงข่าวโต้ตอบ กรณีที่ ทาง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก.ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่ จ.กระบี่ ในขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ ว่า ได้มีคนภาคใต้ส่งข้อมูลให้ว่าในสถานที่การชุมนุมมีการกดดัน รมว.มหาดไทย ส.ส.ชื่อย่อ ส.พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง เข้าไปอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย

พร้อมเรียกร้องให้คนในพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลดำเนินการ แต่ก็ถูกปฏิเสธ และเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกตนมาสอบถามให้รู้แน่ว่า เวลา 20.00 น.เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ได้อยู่ในสนามบินกระบี่ บริเวณชั้น 3 ริมระเบียงหรือไม่ พร้อมทั้งมีการถ่ายภาพบุคคลที่มาต้อนรับ รมว.มหาดไทย ขณะที่มีผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน ถือเป็นการกดดัน ร.ต.อ.เฉลิม จริงหรือไม่

นายสาคร กล่าวว่า ขอเรียนรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันเกิดเหตุตนได้ไปอยู่ที่สนามบินจริง เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยเที่ยวบิน TG260 เวลา 21.05 น.ในวันที่ 1 ก.ค.2551 และไปถึงก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะเดินทางมาถึงสนามกระบี่ เพื่อไปเข้าประชุมคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา 2 คณะ คือ คณะกรรมาธิการพลังงาน และคณะกรรมาธิการกิจการตามองค์การรัฐธรรมนูญรัฐวิสาหกิจ และในวันที่ 2 ตนก็ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่เช้า ซึ่งตนยืนยัน และให้ตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน รายชื่อผู้เดินทางในไฟล์บิน หรือการลงชื่อในที่ประชุม ซึ่งขอยืนยันว่าตนการที่ตนอยู่ที่สนามบินบริสุทธิ์ใจจริงๆไม่ได้เกี่ยวพันกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวอ้าง

ส.ส.ปชป กล่าวด้วยว่า จากการที่รองโฆษกรัฐบาลสำนักงานนายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะตัดงบประมาณทั้งหมดในส่วนของภาคใต้นั้น เป็นคำพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบ ถ้าท่านตัดงบประมาณทางภาคใต้แล้วยังเก็บภาษีในพื้นที่ภาคใต้อยู่อีกก็ไม่สมควร ภาษีที่รัฐเก็บจากภาคใต้ เพื่อไปพัฒนาประเทศ เป็นงบประมาณของประเทศ และมีการเก็บอัตราเดียวกันทั้งประเทศ แต่ในการจัดสรรงบประมาณพัฒนาประเทศ จะมาเลือกว่าพื้นที่ใดเลือกท่านหรือเลือกพรรคของท่านแล้วให้งบประมาณในการพัฒนาจังหวัดก่อน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เป็นความคิดของคนที่มีมันสมองขี้เลื่อย ขาดจิตสำนึก ถ้าคิดแบบนี้ก็เหมือนรัฐบาลก่อนที่เกิดปัญหา เป็นการจุดประเด็นทางการเมือง ของนักการเมืองที่ไม่มีความรับผิดชอบ เป็นผลเสียต่อรัฐบาลอย่างยิ่ง

นักการเมืองใหม่อย่างผมถึงแม้สามัญสำนึกจะน้อย แต่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยห้ามปฏิบัติแบบนั้นเหมือนที่โฆษกรัฐบาลสำนักงานนายกรัฐมนตรีกระทำอยู่ในขณะนี้ บ้านเกิดของท่านอยู่ที่ไหน ญาติพี่น้องอยู่ที่ไหน ผมมีจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยลืมกำพืชของตัวเอง ท่านลืมหรือยัง พูดอะไรคิดบ้าง

นักการเมือง หรือรัฐบาลต้องลงมาพื้นที่ภาคใต้ให้มากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ในแต่ละจังหวัดทางภาคใต้ อย่าปล่อยให้น้ำผึ้งหยดเดียว ทำลายประชาชน เหมือนที่ท่าน มท.1กล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯ และให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ พูดแบบนี้ก็รู้แล้วเป็นอย่างไร มีวุฒิภาวะแค่นี้ไม่ใช่เสนาบดี

การที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวหาว่า ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ผมไม่มีส่วนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ ไม่มีส่วนในการใช้สนามบินไม่ได้ไปรับใคร ไม่ได้ไปส่งผู้ใด ขอเรียนคุณนัฐวุฒิด้วยว่า ผมได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯจริงๆ และตามที่ท่านชอบสาบาน ตามที่ท่านชอบท้า ผมขอท้ากลับบ้าง ว่าท่านกล้าหรือไม่โดยเอาตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลของท่านแลกกับตำแหน่ง ส.ส.ของผม ถ้าเป็นจริงอย่างที่ท่านกล่าวหา ผมพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ทันที แต่ถ้าไม่เป็นความจริง การที่ท่านพูดเป็นการกล่าวเท็จใส่ผม นายณัฐวุฒิ พร้อมที่จะรับผิดชอบคำพูดโดยการลาออกด้วยไหม เพื่อเป็นการรับผิดชอบคำพูดที่ชอบกล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่น

สส.สาคร เกี่ยวข้อง เซ็นต์สัญญาการว่าจ้างบริหารจัดการ โรงแรม คราวน์ ลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่


เซ็นต์สัญญาการว่าจ้างบริหารจัดการ โรงแรม คราวน์ ลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่

กรุงเทพฯ--18 ส.ค.52--สยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา

นาย สาคร เกี่ยวข้อง ประธานกรรมการ โรงแรม คราวน์ ลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่ (ที่ 3 จากซ้าย) และ นาย นพดล ภูเก้าล้วน รองประธานกรรมการ (ที่ 1 จากซ้าย) ร่วมลงนามในสัญญาว่าจ้างบริหารจัดการ โรงแรม คราวน์ ลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่ กับ นาย พรพินิจ พรประภา ประธานกรรมการ สยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา (ที่ 4 จากซ้าย) โดยโรงแรม คราวน์ ลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้ถูกกำหนดเป็นรีสอร์ทระดับ High-end บนเนื้อที่ 14 ไร่ ของหาดเขากวาง เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ ด้วยการตกแต่งสไตล์ไทยแต่แฝงไว้ด้วยความทันสมัย และสวยงาม ประกอบด้วย ห้องพัก 70 ห้อง และวิลล่าส่วนตัว 13 หลัง มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าฮันนีมูนและกลุ่มครอบครัวทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ