ข้อมูล นาย สาคร เกี่ยวข้อง

รูปภาพของฉัน
ประวัติ สส.สาคร เกี่ยวข้อง -บุตร นายกงซิ่น นางดลใจ เกี่ยวข้อง -สมรส กับ นาง เพชรารัตน์ เกี่ยวข้อง(จิวากานนท์) -มีบุตร ๑ คน ดช.สถาปนา เกี่ยวข้อง ประวัติการศึกษา มัธยมศึกษา :โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จ.กระบี่ เตรียมอุดมศึกษา :โรงเรียนสันติราษฎร์ วิทยาลัย กทม.ปริญญาตรี :เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ตำแหน่งปัจจุบัน : -สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร -โฆษกกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร -กรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร -การทำงานที่ผ่านมา:-เป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ -เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่-อดีตกรรมการบริหารหอการค้า จ.กระบี่-

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

คำต่อคำ ผู้แทนราษฎรของพี่น้อง จ.กระบี่ อภิปราย พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553




กราบเรียน ท่านประธานที่เคารพ กระผมนายสาคร เกี่ยวข้อง

สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ท่านประธานครับ วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่สำคัญอีกวันหนึ่งของกระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติ นั่นคือการพิจารณาพระราชบัญญัติ ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศ ต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศเช่นกัน ดังนั้น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จึงมีความสำคัญที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ โดยยึดถือประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน โดยยึดถือประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นหลักสำคัญในการพิจารณา

ท่านประธานครับ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลในปีงบประมาณปี พ.ศ. 2553 เหตุผลเพราะว่าผมได้ตรวจได้พิจารณารายละเอียดแล้วเป็นการจัดทำงบประมาณที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

และประการสำคัญครับท่านประธาน เป็นการจัดทำงบประมาณที่สอดคล้องกับนโยบายที่ได้แถลงไว้เมื่อครั้งที่ท่านนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 ในเรื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ต่อภาคการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่ผ่าน ๆ มา

ท่านประธานครับ เพื่อให้เป็นการเข้าใจอย่างเป็นระบบ กระผมขอย้อนไปถึงนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว เพื่อจะได้ชี้ประเด็นให้เห็นว่าการจัดสรรงบประมาณในปีนี้สอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไร

ท่านประธานครับ งบประมาณในปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ตั้งไว้ 4,113,141,200.- บาท ซึ่งตามคำสัญญาที่รัฐบาลได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนเมื่อครั้งแถลงนโยบายถือได้ว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์กับพันธกิจที่รัฐบาลได้วางไว้ ซึ่งกระผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้

ประเด็นที่ผมจะขอกล่าวถึงมีเพียงไม่กี่ประเด็นครับ

1. มาตรา 9 นี้ ได้กำหนดตั้งงบประมาณไว้เป็นจำนวน 4,113,141,200.- บาท

ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ ข้อ 1 วงเล็บ 2 คืองบประมาณที่ตั้งไว้เพื่อใช้ในแผนงานปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นจำนวน 479,063,500.- บาท ซึ่งผมจะขอชี้ให้ท่านประธานเห็นว่า ตรงครับท่านประธาน ตรงตามที่ได้แถลงไว้ในการแถลงนโยบาย ไม่ว่าจะเป็น

ข้อ 4.2.3.1 ที่ได้แถลงไว้ว่าจะขยายฐานภาคบริการในโครงสร้างการผลิตของประเทศ

ข้อ 4.2.3.2 ที่ได้แถลงไว้ในเรื่องของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทั้งของรัฐและเอกชนโดยรักษาและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่แล้ว

ข้อ 4.2.3.3 ที่ได้แถลงไว้ว่าจะพัฒนามาตรฐานบริการด้านการท่องเที่ยว

ท่านประธานครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ เหตุผลก็เพราะว่าการที่จะให้ภาคการท่องเที่ยวเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมีหลักเกณฑ์ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งครับ

2. ในข้อ 3 วงเล็บ 1 ก็เช่นเดียวกันครับ ที่ได้จัดสรรงบประมาณในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ ของสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นจำนวน 741,072,600.- บา ซึ่งผมไม่ขอกล่าวในประเด็นนี้ซ้ำอีก

3. ประเด็นที่ผมจะพูดในประเด็นนี้ ความคิดของกระผม ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและเข้ากับสภาวการณ์ปัจจุบันได้ดีที่สุด เป็นการจัดทำงบประมาณที่บ่งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ได้เข้าใจสภาพสังคม เศรษฐกิจและการเมืองเป็นอย่างดี นั่นคือ

- ในข้อ 4 งบรายจ่ายอื่น ของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้จัดงบประมาณในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ เป็นจำนวน 122,750,000.- บาท (ร้อยกว่าล้านบาท)

ซึ่งผมเห็นใจท่านนายกรัฐมนตรีมาก เพราะถือว่าท่านเข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤติ แล้วถือได้ว่าวิกฤติจริง ครับ ท่านเข้ามาบริหารประเทศท่ามกลางวิกฤติที่เป็นผลมาจากการกระทำของการบริหารงานที่ผิดพลาดที่ผ่านมา ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวพาดพิงบุคคลใดเป็นที่ทราบกันดีอยู่

ดังนั้น ค่าใช้จ่ายเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศเป็นเรื่องที่น่ายินดี แทนพี่น้องประชาชนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ที่รัฐบาลชุดนี้ได้ให้ความสำคัญเป็นอันมาก

ในเขตพื้นที่ของกระผม คือ จังหวัดกระบี่ และจังหวัดรอบข้างในฝั่งอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต ระนอง พังงา สตูล ต้องยอมรับครับว่าพี่น้องผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศมากครับ ถ้ารัฐบาลไปช่วยเหลือย่อมที่จะทำให้มีการลดภาวะผลกระทบได้อย่างแน่นอน

ท่านประธานครับ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของกระผม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หากการท่องเที่ยวมีการพัฒนาจนเกิดความเจริญรุกหน้า เข้มแข็งขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ที่ประโยชน์สุขก็จะเกิดกับพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวมาก เศรษฐกิจโดยภาพรวมทั้งหมดก็จะดีขึ้นตามลำดับ ผลจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดงบประมาณ ดำเนินการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ท่านประธานครับ เหตุผลที่ผมขอปรับลดงบประมาณ ขอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 2% เหตุเพราะว่าผมติดใจในประเด็นการจัดสรรงบประมาณของสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวในงบรายจ่ายอื่น เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษาในด้านต่าง เช่น

- ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านมาตรฐานบริการท่องเที่ยว

- ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว

- ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาตามแหล่ง ท่องเที่ยวตามเส้นทางท่องเที่ยวตามเส้นทางเลียบฝั่ง แม่น้ำโขง

- ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางด้านแหล่ง ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

- ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านการรักษาความปลอดภัยและ ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

ผมเห็นว่าเป็นงบประมาณที่ตั้งไว้มากเกินความจำเป็นเพราะผมยังมีความคิดว่าศักยภาพของข้าราชการของคณะกรรมการต่าง ที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว รวมทั้งฝ่ายการเมืองยังมีศักยภาพเพียงพอบางกรณีไม่จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาด้วยซ้ำ เช่น

- ค่าจ้างที่ปรึกษาด้านการรักษาความปลอดภัยแก่ นักท่องเที่ยว พี่น้องตำรวจของเรายังมีศักยภาพน่าจะ

มีคำปรึกษาในด้านนี้ได้ ซึ่งรวมค่าจ้างที่ปรึกษาต่าง แล้ว รวม 32,950,000.- บาท

ผมคิดว่าน่าจะนำไปจัดทำโครงการอื่น ที่เป็นประโยชน์ เช่นการทำภาพยนตร์ อาจใช้ทำภาพยนตร์สั้นหรือยาวก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ที่สวยงาม เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหากทำอย่างจริงจังและเป็นระบบ น่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นอย่างมาก

สุดท้าย ผมในฐานะผู้แทนของพี่น้องประชาชนผมขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการบริหารราชการบ้านเมือง เพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าหมายไว้ ผมเชื่อในความซื่อสัตย์ สุจริต ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความสามารถ ของท่านนายกรัฐมนตรี ที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและในฐานะที่แท้จริงคือราษฎร จะขอช่วยเหลือและสนับสนุนการบริหารประเทศของท่านนายกรัฐมนตรีโดยยึดประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอบคุณครับ